ทำไมต้องขายราคานี้

ปัจจุบันนี้ การขายสินค้าและบริการต่างๆ ผู้บริโภค เป็นฝ่ายเลือก ความถูกต้อง เหมาะสม มีการแข่งขัน การหลอกลวง

ผู้ใช้ส่วนมาก จะศึกษาข้อมูลต่าง ๆ โดยละเอียด ใครที่สามารถให้ข้อมูลได้กระจ่าง เข้าใจ กับผู้ซื้อ ก่อนจะเสียเงิน ในฐานะ เป็นผู้ขาย จะอธิบายข้อมูลให้ เข้าใจรายละเอียด

ต้นทุนตรง                 ค่า กากกาแฟ โดยมากการให้ค่ากากกาแฟ ลองคิดดูว่าถ้าท่านไปขอกากกาแฟจากตามร้านค้า ควรจะให้ค่าเหนื่อยเท่าไหร่ เขาต้องคอยตักมาเก็บ คอยเฝ้า รวมถึงต้นทุนเม็ดกาแฟอีก ที่ราคามากกว่า กิโลละ 300 บาท ค่าสถานที่ของเขา
ลองตีแบบถูกๆเลยนะครับแบบไม่น่าเกียจ โลละ 10 บาท แต่กว่าจะทำแห้งได้ ต้องใช้ กากกาแฟ 2.5 kg ถึงจะได้ 1 kg.     เป็นต้นทุน  25  บาท

 

ต้นทุนแปรผัน

ค่าจัดเก็บวัตถุดิบ การเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าจ้างคนไปเก็บ ให้โลละ 5 บาท (ไปเก็บครั้งละ 30โล เท่ากับ 150 บาท แบบถูกๆเลยนะครับ) รวม  30

ค่าแรงการตาก อบ  แพ็ค ค่าแรงในการนำมาตากแห้ง ดำเนินการต่างๆจนแห้ง ให้โลละ 10 บาท (ต้องยก ต้องเก็บ ตากแดด ใช้เวลาประมาณ 3 วัน)รวม 40

ค่าโฆษณา ค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร ค่าโฆษณา ค่าทำเวบ ให้โลละ 4 บาท รวม 44

ค่าถุง ค่าถุง อันนี้ต้องรวมด้วย ถุงซีล ใบละ 5 บาท รวม 49

ค่าโทรศัพท์ อย่างน้อยซื้อที่ ต้องคุยกันที นาทีละ 3 บาท 52

ค่าขนส่ง ค่าบริการไปขนส่งให้ฟรี นัดรับ ให้โลละ 3บาท รวม 55

ค่าเครื่องจักร ต้นทุนดอกเบี้ย ค่าเสื่อม การลงทุน ให้โลละ 5 บาท รวม 60

ค่าไฟ ต้องใช้เครื่องร่อน เครื่องบด ต้องมีค่าไฟ ให้โลละ 3 บาท รวม 63

ค่าสถานที่ ร้านต้องเสียค่าเช่า ที่เก็บสินค้า โลละ 3 บาท รวม 66

ค่ากล่อง ถุง อุปกรณ์ที่ใช้แล้วเสีย ค่าความเสี่ยงในการสูญเสียระหว่างการทำ เช่น กากกาแฟหก หรือถุงขาด คัตเตอร์หัก ค่าบำรุงอุปกรณ์ น้ำมันจักร ผ้าเช็ดทำความสะอาด อุปกรณ์ที่ใช้แล้วทิ้ง แปรง ให้โลละ 4 รวม 70

คิดคำนวนในราคาที่ แบบกันเอง แบบคนทำงาน ไม่ได้หวังกำไร รวมแล้วกำไรที่เกิดจากการทำงานแรงงานอยู่ที่ โลละ 15 บาท
ถ้าขายวันละ 20 โล เท่ากับ วันละ 300 ใครจะขายได้วันละ 20 โล ต้องทำขนาดไหน ถึงจะได้วันละ 20 โล ต้นทุนด้านอื่นก็เพิ่มขึ้นด้วย

Speak Your Mind

*