งานวิจัยเกี่ยวกับกาแฟ

 

 

โรบัสตามีปริมาณกาเฟอีนมากกว่าอาราบิกา กาแฟสำเร็จรูปมีกาเฟอีนประมาณ 60 มิลลิกรัม การศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพและสรีรวิทยาพบว่าการบริโภคกาเฟอีน 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ความนิยมของกาแฟทั่วโลกส่งผลต่องานวิจัยเชิงสุขภาพมากมาย ในความเป็นจริงกาแฟเป็นสินค้าที่มีการวิจัยมากที่สุด การศึกษาบ้างชิ้นอ้างถึงผลกระทบเชิงลบเป็นตัวอย่างเล็กๆที่ไม่มีการควบคุมปัจจัยอื่นที่ส่งผลกระทบ อย่างไรก็ตาม การศึกษาส่วนใหญ่ยืนยันว่าการดื่มกาแฟในปริมาณพอเหมาะมีความปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 55)

ภาวะเสพติด

คนมักพูดว่า “เขาเสพติดบางอย่าง” ในความเป็นจริงคำอธิบายที่ถูกต้องคือ “เขาทำจนเป็นนิสัย” ในสังคมปัจจุบัน คำว่า “นิสัย” และ “การเสพติด” มักใช้ผิด สิ่งนี้ชัดเจนในกรณีของกาแฟ ความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่ากาเฟอีนไม่ได้มีผลต่อการทำงานของสมมอง หรือเกี่ยวข้องกับภาวะเสพติดและการตอบสนองเหมือนยาเสพติด

องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ากาเฟอีนมีผลกระทบต่อสังคมและร่างกายเหมือนการใช้ยาเสพติดร้ายแรง (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 57)

สารต้านอนุมูลอิสระ

การวิจัยนำเสนอว่า กาแฟมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระมากถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับชา การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากาแฟส่งเสริมโภชนาการเหมือนกับการรับสารต้านอนุมูลอิสระจากแหล่งอื่นๆ

กาเฟอีนในกาแฟเป็นสารที่ช่วยขยายหลอดลม ทำให้ทางเดินอากาศกว้าง และหายใจสะดวกขึ้น นอกจากนี้กาเฟอีนยังมีประสิทธิภาพในการเพิ่มสมรรถนะทางร่างกายและความคิด กาแฟช่วยให้สามารถทำงานได้ยาวนานขึ้นก่อนที่พลังงานในร่างกายจะหมดไป

กาแฟช่วยต่อสู้กับความเหนื่อยล้า

1. นักวิจัยพบว่า กาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นอารมณ์ที่ช่วยเร่งความคิด

2. กาเฟอีนเพิ่มสมรรถนะทางปัญญา

3. กาเฟอีนกระตุ้นปฏิกิริยาตอบสนอง ระยะเวลาความสนใจ สมาธิ และความหลักแหลม

4. กาเฟอีนเคลื่อนย้ายไปยังสมองรวดเร็วภายใน 20 – 30 นาที และใช้เวลายาวนาน 6 ชั่วโมง

5. กาเฟอีนยกระดับและปรับปรุงอารมณ์

การดื่มกาแฟลดความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีของผู้ชาย

ผู้ชายที่ดื่มกาแฟ 4 ถ้วย หรือมากกว่าต่อวัน มีแนวโน้มลดความเสี่ยงร้อยละ 45 ของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี การวิจัยทางโภชนาการสันนิษฐานว่ากาแฟช่วยลดความเสี่ยงของนิ่วในถุงน้ำดี และผลกระทบเชิงบำบัดและส่วนผสมเฉพาะที่มีอิทธิพลต่อโรค

กาแฟป้องกันโรคตับแข็ง

การดื่มกาแฟ 3-4 ถ้วยต่อวัน ช่วยลดอัตราความเสี่ยงของการเป็นโรคตับแข็งร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ

กาแฟมีแนวโน้มลดความเสี่ยงของมะเร็งทางเดินย่อยอาหาร

ผู้ที่ดื่มกาแฟ 4 ถ้วย หรือมากกว่าต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ร้อยละ 24 เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ

ลดการบริโภคกาเฟอีน

ถ้าต้องการเลิกบริโภคกาเฟอีน ควรค่อยๆลดลงดีกว่างดทันที และมีทางเลือกอื่นๆมากกว่ากาแฟ ไร้กาเฟอีน หนึ่งในนั้นคือ การดื่มกาแฟน้อยลง เป็นวิธีที่ดีสำหรับคนที่ดื่มกาแฟมากเกินจนเป็นนิสัย (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 57-58)

ประโยชน์ของกาแฟ

สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟ

การศึกษาใน พ.ศ. 2547 เกี่ยวกับแหล่งโภชนาการของสารต้านอนุมูลอิสระ พบว่าผู้สนับสนุนใหญ่ที่สุดของสารต้านอนุมูลอิสระ คือ กาแฟ

สารต้านอนุมูลอิสระช่วยบรรเทาโอกาสการเกิดของโรคหัวใจและโรคมะเร็ง องค์กรกาแฟระหว่างประเทศตระหนักดีว่า ผลกระทบจากการศึกษาอื่นๆ ปรากฏชัดเจนว่า กาแฟบรรจุสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาถึง 4 เท่า

การดื่มกาแฟมีประโยชน์อย่างไร

สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟช่วยปกป้องคุณจากอนุมูลอิสระที่เป็นพิษ ซึ่งมาจากการหายใจของออกซิเจน และการกินน้ำตาลที่บ่มเพาะเรื้อรังและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยขจัดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก นอกจากนี้การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ กระตุ้นอารมณ์ ป้องกันฟันผุ รวมทั้งความเสียหายจากการสูบบุหรี่และการรับแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง

การดื่มกาแฟในปริมาณมากเกินไปไม่ดีสำหรับคุณ

การดื่มหรือได้รับกาเฟอีนในปริมาณมากเกินไปจะไปเร่งการเสื่อมสภาพของกระดูกในหญิงตั้งครรภ์ ส่งผลต่อน้ำหนักแรกเกิดของทารก และเพิ่มความเสี่ยงของการแท้งบุตรโดยธรรมชาติ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรทอต้องการมีบุตรได้รับคำแนะนำให้จำกัดการดื่มกาแฟไม่เกิน 2 ถ้วยต่อวัน

กาเฟอีนเป็นตัวเร่งทำให้เกิดอาการเสียดท้อง หัวใจเต้นเร็ว และกระวนกระวายใจ (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 63)

ประโยชน์ของกากกาแฟ

1. กากกาแฟที่ใช้แล้วนำไปตากแดดให้แห้งและบรรจุใส่ถุงผ้าเล็กๆนำไปไว้ในตู้เย็นเพื่อช่วยดูดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์หรือจะนำกากกาแฟใส่ไว้ในถ้วยและวางไว้ในตู้เย็นก็ได้ เพราะกากกาแฟมีสรรพคุณในการดูดกลิ่นได้ดีและถ้าอยากให้มีกลิ่นหอมเพิ่มขึ้นก็ให้เอากลิ่นที่ชอบ เช่น กลิ่นส้ม กลิ่นวานิลลาหรือกลิ่นดอกไม้ หยดลงไปในกากกาแฟสักสามสี่หยดจะเพิ่มความหอมให้กับตู้เย็น

2. นำกาแฟที่ตากแห้งและเก็บไว้มาผสมน้ำและนำไปหมักผมจะช่วยให้ผมนุ่มและเงางาม ถ้านำไปขัดหน้าหรือขัดตัวก็จะทำให้ผิวนุ่มสดใส เป็นการทำสปาให้กับตัวเองและไม่จำเป็นต้องฟอกสบู่ซ้ำหรือสระผมซ้ำเลยที่สำคัญอย่าลืมล้างออกให้สระอาด

3. กากกาแฟยังสามารถใช้เป็นปุ๋ยได้อย่างดีกับต้นไม้ดอกไม้และไม้ประดับ ต้นไม้ที่ปลูกด้วยดินที่มีส่วนผสมของกากกาแฟจะช่วยป้องกันไม่ให้พวกหอยทากหรือตัวบุ้งมากันกินใบ

4. ตามพื้นดินที่มีมดเดินไปมาหรือทำรังอยู่ ลองเอากากกาแฟโรยตามบริเวณที่มดอาศัยอยู่ มดก็จะค่อยๆหายไปเพราะกากกาแฟมีคุณสมบัติเป็นตัวไล่มดด้วย

5. สำหรับท่านที่ทำครัวและมีกลิ่นอาหารติดมือ ลองใช้กากกาแฟผสมน้ำให้พอเปียกและนำมาถูกับมือสักพักแล้วล้างออกกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะหายไปเหลือแต่กลิ่นที่หอมสดชื่นของกาแฟที่ติดอยู่ที่มือแทน (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 73)

ข้อดีของกาแฟ

1. สารต้านอนุมูลอิสระ กาแฟอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กรดคลอโรจีนิก เมลาโนไอดีนส์ ที่ป้องกันกระบวนการก่อให้เกิดความเสียหายแก่เซลล์และความชรา เป็นต้น

2. โรคพาร์กินสัน หรือการสูญเสียเซลล์สมอง เป็นโรคประสาทที่ลุกลามและจะแสดงอาการเฉพาะ คือ การสั่นเทาของกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวช้าลง อ่อนแอ อัมพาตที่ใบหน้า หากดื่ม กาแฟปริมาณที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโคพาร์กินสันได้

3. เบาหวาน นักวิจัยค้นพบว่าการดื่มกาแฟลดความเสี่ยงของพัฒนาการเบาหวาน ผู้ที่ดื่มกาแฟมากกว่า 6 ถ้วยต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานได้

4. นิ่วในถุงน้ำดี กาแฟมีผลต่อการสันดาปและลดความเสี่ยงของการก่อตัวของนิ่วในถุงน้ำดี

5. ตับแข็ง โดยทั่วไปกาแฟใช้แก้อาการเมาค้างและงัวเงียในตอนเช้า แต่มีประโยชน์มากกว่าหากดื่มก่อนเริ่มงานเลี้ยง

6. นิ่วในไต การบริโภคกาแฟลดอัตราความเสี่ยงการเกิดนิ่วในไต กาแฟเพิ่มปริมาณปัสสาวะและป้องกันการตกผลึกของแคลเซียมออกซาเลตที่เป็นส่วนประกอบทั่วไปของนิ่วในไต

7. ปรับปรุงสมรรถนะทางความคิด กาเฟอีนในกาแฟช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง ปรับปรุงสมาธิ เวลาตอบสนอง และลดความเหนื่อยล้า

8. โรคอัลไซเมอร์ การดื่มกาแฟช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ จากการศึกษาในหนูทดลองแสดงให้เห็นว่ากาเฟอีนในกาแฟ 2 ถ้วยต่อวัน สามารถลดการก่อตัวของพลักซ์ที่เป็นอันตรายต่อสมอง

9. หอบหืด มีการค้นพบว่ากาแฟ 3 ถ้วยหรือมากกว่านั้นในแต่ละวัน ฃ่วยลดการแพร่กระจายของหอบหืด และช่วยปรับปรุงระบบการทำงานระบายอากาศระหว่างการออกกำลังกายโดยผ่านการบีบตัวของหลอดลม

10. กาเฟอีนปลอดภัย พ.ศ. 2501 องค์การอาหารและยายอมรับว่า กาเฟอีนเป็นสารที่ปลอดภัย (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 94-97)

ข้อเสียของกาแฟ

1. โรคหัวใจ กาแฟที่ไม่ได้กรองสามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะ.ไปเพิ่มปริมาณการเกิดของพลาสมา โฮโมคริสอีนที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ

2. โคเลสเตอรอล การบริโภคกาแฟต้มเพิ่มระดับเลือดและโคเลสเตอรอลแอลดีแอล (ไขมันที่ไม่ดี)

3. หลอดเลือด กาแฟมีผลกระทบเชิงลบต่อหลอดเลือดและการปฏิบัติหน้าที่ของหลอดเลือด

4. รบกวนจังหวะการเต้นของหัวใจทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติ

5. ความดันโลหิต การวิจัยพบว่ากาแฟสามารถเพิ่มความเสี่ยงเล็กน้อยของพัฒนาการความดันโลหิตสูงต่อเนื่องในผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง

6. กระดูกพรุน การดื่มกาแฟนำไปสู่การขับแคลเซียมในปัสสาวะ การบริโภคกาแฟรสเข้มเพิ่มความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ได้รับปริมาณแคลเซียมต่ำ

7. อาการเสียดท้อง กาแฟ 1 ถ้วย สามารถกระตุ้นอาการเสียดท้อง เนื่องจากาแฟประกอบด้วยกรดหลายชนิด

8. การนอนหลับ กาเฟอีนในปริมาณสูงถ้าบริโภคก่อนนอนทำให้นอนหลับยากขึ้น และอาจตื่นเร็วกว่าปกติหากมีเสียงรบกวน ทำให้การนอนหลับแย่ลง แต่ก็มีบุคคลบางส่วนที่สามารถดื่มกาแฟแล้วนอนหลับได้ทันที

9. การสูญเสียน้ำ กาเฟอีนในกาแฟเป็นยาขับปัสสาวะอ่อนๆ อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ

10. การเลิก การเลิกดื่มกาแฟในทันทีอาจทำให้รู้สึกปวดศีรษะและระคายเคือง 2 – 3 วันแรกๆ แต่อย่างไรก็ตามการหยุดดื่มกาแฟทันทีเป็นเรื่องง่ายเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้เสพติดสารกาเฟอีน (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 98-99)

กาเฟอีนและสุขภาพของผู้หญิง

ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ควรกังวลเกี่ยวกับการรับสารกาเฟอีน เนื่องจากการศึกษาพบว่าการแท้งบุตรในธรรมชาติมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น และความไม่สมบูรณ์ของทารก นอกจากนี้โรคก้อนเต้านมไฟโบรคริสติกมีอาการรุนแรงขึ้นเนื่องจากการรับสารกาเฟอีน กาแฟเป็นตัวขับแคลเซียมดังนั้นผู้หญิงจึงเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 104)

กาเฟอีนและสุขภาพของผู้ชาย

กาแฟเป็นสารระคายเคืองทางเดินปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ และกาแฟยังเป็นยาขับปัสสาวะที่ทำให้สภาวะที่เกี่ยวข้องกับการปัสสาวะแย่ลง การจำกัดกาแฟและกาเฟอีนบรรเทาอาการที่สัมพันธ์กับการปัสสาวะบ่อยเนื่องจากต่อมลูกหมากขยายใหญ่ขึ้น (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 105)

ผลกระทบเชิงลบของกาแฟ

1. กาแฟมีกาเฟอีน จึงมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย

2. กาเฟอีนทำให้ท้องผูก เนื่องจากกาแฟเป็นตัวขับปัสสาวะจึงอาจทำให้เกิดการสูญเสียน้ำ ขาดของเหลวในร่างกายจนก่อให้เกิดอาการท้องผูก

3. การดื่มกาแฟเป็นเวลานานทำให้ฟันสกปรก กาแฟมีผลกระทบต่อฟันคล้ายสารนิโคติน ดังนั้นจึงอาจส่งผลทำให้ฟันเหลือง และฟันผุ โดยเฉพาะเมื่อเติมน้ำตาลปริมาณมากลงไปในเครื่องดื่ม

4. กาเฟอีน น้ำมัน และกรดในกาแฟ ระคายเคืองเยื่อบุในกระเพาะอาหาร กาแฟทำให้กระเพาะอาหารผลิตกรดไฮโดรคลอริกมากเกินไปซึ่งนำไปสู่การย่อยอาหารที่มีสมรรถภาพลดลง กาแฟไร้กาเฟอีนบรรจุน้ำมันและกรดเหมือนกาแฟปกติส่งผลต่อการคัดหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้เมื่อดื่มกาแฟตอนท้องว่างยังเป็นการเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารทำให้เจ็บปวดแผลในกระเพาะได้ทันที(สำหรับบางคน)

5. กาแฟส่งผลต่อการลดกล้ามเนื้อท่ออาหารที่หดปิดได้ กล้ามเนื้อที่ควบคุมการเปิดปิดระหว่างกระเพาะอาหารและลำคอ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความดันของกล้ามเนื้อท่ออาหารที่หดปิดได้ การไหลกลับของกรดในอาหารจะย้อนขึ้นมาสู่ลำคอ เป็นสาเหตุของอาการจุกเสียด

6. กาแฟชะลอการส่งของเสียผ่านลำไส้เล็ก กาแฟเลวร้ายกว่าสารนิโคตินและแอลกอฮอล์ มันทำให้เสียดท้อง มีแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไป และส่งผลเสียต่อระบบการย่อย การดื่มกาแฟเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นแผลในกระเพาะอาหารสูงถึงร้อยละ 72 (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 109-112)

ผลข้างเคียงของกาเฟอีน

1. ผู้หญิงที่ได้รับปริมาณกาเฟอีนมีแนวโน้มสูญเสียแคลเซียมในปัสสาวะมากกว่า จึงส่งผลต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ทางแก้ไขคือดื่มวันละ 1 แก้วเพื่อชดเชยแคลเซียมที่เสียไป

2. กาเฟอีนทำให้อาการเจ็บปวดเต้านมก่อนมีประจำเดือนรุนแรงขึ้น และรบกวนการนอนหลับ

3. ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟมากกว่า 4 ถ้วยต่อวัน มีความเสี่ยวของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เกือบ 2 เท่า

4. การเลิกดื่มกาแฟอาจทำให้ปวดศีรษะ และมีอาการสั่นของร่างกายที่ไม่พึงประสงค์

5. กาแฟบรรจุสารก่อมะเร็งมากมาย

6. กาแฟเร่งสูบฉีดฮอร์โมนความเครียดทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น เกิดอาการตื่นตระหนก

7. กาแฟเป็นยาขับปัสสาวะ อาจส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำ

8. กาเฟอีนขัดขวางเคมีที่ปรากฏตามธรรมชาติในส่วนของต่อมอดีโนไซต์และส่งผลต่อสมอง (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 112-113)

ผลกระทบระยะสั้นของกาเฟอีนในร่างกาย

เพิ่มการเต้นของหัวใจ การหายใจ อัตราการสันดาปพื้นฐาน ปฏิกิริยาสะท้อนกลับของภาวะกระเพาะลำไส้อักเสบ การผลิตกรดกระเพาะอาหารและปัสสาวะยังมีปฏิกิริยาต่อกล้ามเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อหลอดลม การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ขึ้นอยู่กับบุคคล ความรู้สึกไว การสันดาป หรือการบริโภคจนชินเป็นนิสัย

บางคนเชื่อว่ากาเฟอีนทำให้ตื่นตัวลดอาการอ่อนเพลีย อย่างไรก็ตามกาเฟอีนอาจฟื้นฟูความรู้สึกก่อนที่จะรู้สึกอ่อนเพลียหรือเบื่อหน่าย จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่ากาเฟอีนลดเวลาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นทั้งทางสายตาและการฟัง เมื่อรับกาเฟอีนในปริมาณสูงเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงปรารถนา

ผลกระทบระยะยาวของกาเฟอีนในร่างกาย

กาเฟอีนดูดซึมอย่างรวดเร็วผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 – 45 นาที เพื่อบรรลุระดับสูงสุด ระดับกาเฟอีนในเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเป็นปัจจัยกำหนดการออกฤทธิ์ในร่างกาย โดยปกติระบบประสาทส่วนกลางถูกกระตุ้นสูงสุดภายใน 30 – 60 นาที กาเฟอีนถูกสันดาปผ่านตับขับออกทางปัสสาวะ มันสามารถซ่อนเร้นในน้ำลาย น้ำนมในเต้า และน้ำอสุจิ

กาเฟอีนมีผลต่อร่างกายเมื่อคงอยู่ในกระแสเลือด เวลาที่ต้องการเพื่อขจัดปริมาณของกาเฟอีนครึ่งหนึ่งที่บริโภค ปัจจัยที่ทำให้ครึ่งชีวิตของกาแฟยาวนานขึ้น รวมถึงยาบางชนิด โรคตับ การตั้งครรภ์ ระดับเอนไซม์ในตับที่จำเป็นสำหรับการสันดาปกาเฟอีน (ช่อทิพยวรรณ พันธุ์แก้ว.2537: 114)

Speak Your Mind

*